ในข่าวดีล่าสุดสำหรับผู้ประกันตนทั้งมาตรา 33 และมาตรา 39 สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ได้ขยายโครงการ “SSO Cancer Care” หรือโครงการดูแลผู้ป่วยมะเร็ง ให้ครอบคลุมโรงพยาบาลมากขึ้นทั่วประเทศ จากเดิมที่มีเพียง 50 แห่ง ตอนนี้เพิ่มเป็น 91 โรงพยาบาล ทั่วประเทศแล้วในเดือนเมษายน 2568 เพื่อให้ผู้ประกันตนสามารถเข้าถึงการรักษามะเร็งได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โครงการ SSO Cancer Care เป็นนโยบายสำคัญที่กระทรวงแรงงานและสำนักงานประกันสังคมร่วมกันผลักดัน เพื่อยกระดับการดูแลสุขภาพของผู้ประกันตน โดยเฉพาะการรักษาโรคร้ายแรงอย่างมะเร็งที่ต้องการการดูแลแบบเฉพาะทางและรวดเร็วที่สุด
สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกันตน ม.33 และ ม.39
ผู้ประกันตนในมาตรา 33 (ผู้ที่ทำงานประจำ) และมาตรา 39 (ผู้ที่ลาออกจากงานแต่ยังส่งเงินสมทบประกันสังคมต่อ) มีสิทธิ์รับการรักษามะเร็งฟรีภายใต้โครงการนี้ แต่จะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ชัดเจนเพื่อคงสิทธิ์การรักษา ดังนี้
ขั้นตอนและเงื่อนไขการใช้สิทธิ
- วินิจฉัยโรคจากโรงพยาบาลต้นสังกัด
ผู้ประกันตนจะต้องเข้ารับการวินิจฉัยจากโรงพยาบาลตามสิทธิประกันสังคมเดิมของตนก่อน เพื่อยืนยันผลว่าป่วยเป็นโรคมะเร็งจริง หากไปโรงพยาบาลอื่นก่อนการวินิจฉัย อาจต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง - แจ้งความประสงค์ขอใช้สิทธิ SSO Cancer Care
เมื่อได้รับการวินิจฉัยแล้ว ผู้ประกันตนสามารถแจ้งแพทย์ผู้รักษา เพื่อขอใบส่งตัวเข้าสู่โรงพยาบาลที่ร่วมโครงการ SSO Cancer Care ได้ทันที - การส่งตัวไปรักษาต่อ
โรงพยาบาลต้นสิทธิจะดำเนินการส่งตัวผู้ประกันตนไปยังสถานพยาบาลเฉพาะทางที่อยู่ในเครือข่าย ซึ่งได้รับการคัดเลือกจากสำนักงานประกันสังคม - เตรียมเอกสารสำคัญก่อนเข้ารับการรักษา
- หนังสือส่งตัวจากโรงพยาบาลต้นสังกัด
- ประวัติการรักษาและผลวินิจฉัยยืนยันการเป็นโรคมะเร็ง
หมายเหตุสำคัญ
ผู้ประกันตนควรตัดสินใจร่วมกับแพทย์ในการเลือกโรงพยาบาลเฉพาะทาง เพื่อให้ได้สถานพยาบาลที่สะดวกที่สุด ทั้งในแง่ของระยะทาง ความพร้อมของบุคลากร และเครื่องมือการแพทย์ ซึ่งทั้งหมดนี้ได้รับการตกลงกับสำนักงานประกันสังคมเรียบร้อยแล้ว
คำเตือนสำหรับผู้ประกันตน
แม้จะมีสิทธิรักษามะเร็งฟรี แต่หากผู้ประกันตนไม่ปฏิบัติตามขั้นตอน เช่น ไม่ตรวจวินิจฉัยที่โรงพยาบาลต้นสังกัดก่อน หรือไปรับบริการจากโรงพยาบาลนอกเครือข่ายโดยไม่ได้รับการส่งตัว อาจต้องเสียค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด เพราะถือว่าผิดเงื่อนไขการใช้สิทธิ
นางนิยดา เสนีย์มโนมัย โฆษกสำนักงานประกันสังคมได้เน้นย้ำว่า จุดสำคัญที่สุดของโครงการนี้คือการตรวจวินิจฉัยก่อน แล้วจึงดำเนินการส่งตัวตามระบบเท่านั้น เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้ประกันตนอย่างเต็มที่ และเพื่อควบคุมคุณภาพมาตรฐานการรักษาพยาบาลด้วย
สรุป
การขยายจำนวนโรงพยาบาลในโครงการ SSO Cancer Care เป็น 91 แห่ง ถือเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มการเข้าถึงบริการรักษามะเร็งสำหรับผู้ประกันตนทั่วประเทศ ทำให้ผู้ป่วยมีตัวเลือกมากขึ้น ไม่ต้องรอนาน และมีโอกาสในการรับการรักษาที่มีคุณภาพสูงขึ้นกว่าเดิม
หากคุณหรือคนที่คุณรักเป็นผู้ประกันตน และมีความเสี่ยงหรืออยู่ระหว่างการรักษามะเร็ง อย่าลืมตรวจสอบรายชื่อโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการได้ที่เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม หรือโทรสอบถามสายด่วน 1506 เพื่อวางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว
โครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย แต่ยังเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกันตนได้รับการรักษาที่มีมาตรฐาน มีคุณภาพ และเข้าถึงได้จริง เป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าที่น่าชื่นชมของระบบประกันสังคมไทยในปี 2568 นี้
